การเลือกม่านแสงเซฟตี้และการติดตั้ง
ในโรงงานอุตสาหกรรมมีอุปกรณ์เซฟตี้มากมายหลายแบบที่ใช้กับเครื่องจักรอันตราย แต่ที่นิยมใช้กันมากและมักเป็นตัวเลือกแรกๆที่เรานึกถึงคือ ม่านแสงเซฟตี้(safety light curtain) เหตุผลเพราะหลักการทำงานของมันจะไม่ให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของคนหรือสิ่งของผ่านการตรวจจับของลำแสงเข้าไปอยู่ในโซนอันตรายได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วการที่จะให้ได้ความปลอดภัยสูงสุดและเหมาะสมกับงานต้องคำนึงถึงหลักการออกแบบ,เลือกใช้และติดตั้งที่ถูกต้องด้วย มีหลายโรงงานที่ใช้ม่านแสงเซฟตี้แล้วยังประสบปัญหาเกิดอุบัติเหตุกับคนงานขึ้นเพราะการใช้งานไม่ถูกวิธี
หลักการทำงาน
ถ้ามองง่ายๆก็เหมือนกับเอาโฟโตเซ็นเซอร์หลายๆตัวมาต่อเรียงกันโดยจะยิงลำแสงจากตัวส่งไปที่ตัวรับ แต่ที่แตกต่างกันและมีความสำคัญมากคือ มันจะยิงรับส่งกันทีละคู่เท่านั้น โดยเรียงจากบนลงล่างแล้วเวียนกลับขึ้นมาใหม่ ด้วยความเร็วสูงมาก(….)เพื่อที่จะให้ได้ความละเอียดของม่านแสงสูงสุด และมีการตรวจเช็คว่าเมื่อตัวส่งยิงไปแล้ว ตัวรับของคู่ของมันเท่านั้นได้รับรึเปล่าเป็นการตรวจสอบว่าอุปกรณ์เซฟตี้ทำงานสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าผิดไปจากเงื่อนไขเหล่านี้แสดงว่าอุปกรณ์เซฟตี้มีปัญหา หากเราใช้งานเครื่องจักรนี้ต่อไปอาจเกิดเหตุอันตรายได้
มีความเข้าใจผิดหลายอย่างในงานเซฟตี้ที่เลือกใช้โฟโตเซ็นเซอร์ธรรมดาหรือม่านแสงธรรมดาที่ไม่ใช่เซฟตี้แล้วมีความรู้สึกว่าเราได้ติดตั้งระบบเซฟตี้ไปแล้วนั้นเป็นความอันตรายอย่างมากเพราะ การใช้โฟโตเซ็นเซอร์จะมีความละเอียดในการตรวจจับที่น้อย เพราะระยะห่างระหว่างลำแสงแต่ละชั้นจะมากทำให้ตรวจจับนิ้วหรือมือไม่ได้จับได้แต่แขนหรือลำตัว ถ้าติดให้แต่ละชั้นใกล้ลงมาก็จะตรวจจับไม่เจอเลยเพราะแสงของชั้นอื่นจะมากวนทำให้เซ็นเซอร์คิดว่าไม่มีอะไรมาบัง (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน EFเล่ม1หรือwww.engineerfriend.com)
ปัจจัย4อย่างในการออกแบบเลือกใช้เรียงตามความสำคัญคือ
1.ระดับความร้ายแรง (category ,type)
ระดับความร้ายแรงเป็นปัจจัยอันดับแรกในการเลือกใช้ สำหรับม่านแสงเซฟตี้ที่ใช้คือ ระดับ2(type2) และ ระดับ4(type4) สรุปการแบ่งให้เข้าใจง่ายๆตามตาราง
การเลือกระดับความร้ายแรง ตามมาตราฐาน ISO 13849-1/EN 954-1
ต้องใช้การป้องกันระดับนี้
ต้องเพิ่มระดับการป้องกัน
การป้องกันสูงกว่ามาตราฐาน
S = ความรุนแรงของการบาดเจ็บ
S1: บาดเจ็บเล็กน้อย
S2: บาดเจ็บสาหัสถึงเสียชีวิต
F = ความถี่ที่จะเกิดเหตุอันตราย
F1: ไม่ค่อยเกิดขึ้น
F2: เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
P = ความเป็นไปได้ที่จะหลีกเลี่ยงอันตราย
P1: หลีกเลี่ยงได้ ถ้ามีอุปกรณ์พิเศษ
P2: หลีกเลียงได้ยาก
โดยสรุปคือ ถ้าเกิดอันตรายทำให้ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงขั้นพิการให้ใช้type2 แต่ถ้าหากเกิดเหตุอันตรายขึ้นทำให้พิการหรือเสียชีวิต และมีการใช้งานเป็นประจำให้ใช้type4 โดยtype4จะมีวงจรการป้องกันถึง2ชั้น เพื่อให้ระบบความปลอดภัยมีเสถียรภาพสูงสุด
2.ความละเอียด (resolution) หรือ ระยะห่างระหว่างลำแสง
แบ่งได้3ระดับ
2.1 ป้องกันนิ้ว (14mm , D ) เป็นแบบที่ละเอียดที่สุด และติดตั้งใกล้เครื่องจักรมากที่สุด ในพื้นที่จำกัดและเครื่องจักรที่อันตรายมากๆ เรามีความจำเป็นต้องเลือกม่านแสงเซฟตี้ที่ละเอียดที่สุดและเป็นtype4
2.2 ป้องกันมือหรือแขน (20-30mm , C ) ส่วนมากใช้กับงานป้องกันทั่วๆไป โดยต้องติดให้ห่างจากบริเวณที่มีอันตรายมากกว่าความยาวของมือหรือประมาณ30cm
2.3 ป้องกันร่างกาย (50mmขึ้นไป, A B) ในแบบนี้จะใช้ป้องกันคนไม่ให้เดินเข้าไปในบริเวณที่เป็นอันตราย โดยจะมีระยะยิงไกลมากกว่า30mขึ้นไป
3.ลักษณะรูปร่าง,ความแข็งแรง และการติดตั้ง
แบ่งตามรูปแบบการติดตั้งได้3แบบ
3.1 แบบ1แกน เป็นแบบที่นิยมใช้ทั่วไปจะเป็นลักษณะแกนเดี่ยวสูงตั้งแต่150mm-2m โดยความสูงของม่านแสงจะต้องครอบคุมพื้นที่อันตราย
อาจจะติดแนวนอนก็ได้ถ้ามีพื้นที่มาก แต่ต้องติดสูงกว่าพื้นประมาณ1เมตรเพื่อตรวจจับลำตัวคนได้อย่างแน่นอน
3.2 แบบcascade คือการเอาม่านแสงมาต่ออนุกรมเพื่อให้สามารถป้องกันได้หลายแกน
3.3 แบบใช้แผ่นสะท้อน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการกั้นพื้นที่ให้เป็นที่ปลอดภัยเป็นบริเวณกว้าง และให้ต่อวงจรแบบLatch โดยให้ปุ่มresetระบบอยู่ข้างนอกโซนเพื่อเป็นการป้องกันคนยังอยู่ในพื้นที่อันตราย
4.แบบการทำงาน (auto or manual)
แบ่งได้ 2 แบบ
4.1 auto หรือ trip การทำงานคือเมื่อตรวจจับเจอมือเครื่องจักรจะหยุดทำงานและเมื่อเอามือออกมาเครื่องจักรจะทำงานต่อได้เลย การทำงานแบบนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความต่อเนื่อง และรวดเร็ว ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะไม่ร้ายแรงนัก
4.2 manual หรือ latch การทำงานคือเมื่อตรวจจับเจอมือ เครื่องจักรจะหยุดทำงานและเมื่อเอามือออกมาเครื่องจักรจะหยุดทำงานค้างอยู่อย่างนั้น จนกว่าเราจะกดปุ่มreset เครื่องถึงจะทำงานต่อ การทำงานแบบนี้เหมาะสำหรับงานที่มีความอันตรายมากๆ เช่นเครื่องปั๊มขึ้นรูปชิ้นงานใหญ่
ในปัจจุบันนี้ยังมีการใช้ม่านแสงเซฟตี้ในรูปแบบต่างๆอีกมาก ซึ่งแต่ละแบบที่ใช้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะหน้างานและความต้องการของผู้ใช้งานที่มีความหลากหลาย ซึ่งม่านแสงเซฟตี้ก็เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงแต่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ เพราะฉะนั้นหากเราต้องการความปลอดภัยสูงสุดในราคาที่เหมาะสมควรศึกษาให้ละเอียดหรือสอบถามจากผู้มีประสบการณ์และชำนาญการใช้งาน ในครั้งต่อไปเราจะมาพูดกันถึงการประยุกต์ใช้งานในรูปแบบต่างๆต่อไป